ในอดีตคนในสังคมไทยมักจะมองเห็นถึงข่าวอาชญากรรมเกี่ยวกับการก่อการร้ายหรือเหตุยิงกันที่เป็นลักษณะการกราดยิงผู้คนที่บริสุทธิ์ไม่รู้เรื่องราวใด ไม่ว่าจะเป็นห้างร้านหรือในสถานศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่เรามองว่าเป็นสิ่งใกล้ตัวเพราะเรามักจะเห็นข่าวดังกล่าวที่เกิดในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ในประเทศอื่นๆของยุโรปเสียมากกว่า หากแต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ร้ายดังกล่าวจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวสังคมไทยเราอีกต่อไป เริ่มมีการก่อเหตุยิงกราดในที่สาธารณะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เหตุการณ์จริงในสังคมไทย
เหตุการณ์กราดยิงในไทยมีมากขึ้นในช่วงปี 2020 นี้ เริ่มตั้งแต่กรณีอาจารย์ระดับผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนแห่งหนึ่งในต่างจังหวัดใช้อาวุธปืนขนาด 9 mm บุกยิงกราดในห้างใหญ่ในจังหวัดลพบุรีเพื่อกวาดเอาทองในร้านทองไปเป็นของตนเอง ซึ่งมีผู้บาดเจ็บรวมทั้งผู้เสียชีวิตทั้งเด็กติดตามผู้ปกครองไปเดินในห้างและพนักงานร้านทองผู้โชคร้ายรวมทั้งสิ้น 3 ศพ ด้วยกัน ผู้บาดเจ็บอีกหลายคน เท่านี้ยังไม่พอภายในเดือนกุมภาพันธ์รวมเหตุการณ์ดังที่เป็นข่าวใหญ่ เมื่อทหารชั้นประทวนนายหนึ่งซึ่งขัดผลประโยชน์ส่วนตัวกับกลุ่มผู้ร่วมทำธุรกิจโดยมีเรื่องราวเกี่ยวกับนายทหารยศนายพันอีกคน จนทหารชั้นประทวนนายนี้เกิดคลั่งขึ้นมาเพราะความเครียดใช้อาวุธปืนพกส่วนตัวยิงนายพันและอดีตผู้ร่วมธุรกิจเสียชีวิตไป 3 ศพ จากนั้นก็บุกชิงเอาปืนในคลังแสงของค่ายทหารนำอาวุธสงครามพร้อมเสียงติดอาวุธเต็มอัตราศึกขับรถออกมายิงกราดผู้คน ทั้งคนที่ทำบุญในวัด ตำรวจ 2 นาย ที่พยายามจะสกัดถูกยิงกระหน่ำจนเสียชีวิต จากนั้นก็ไปยึดห้างดังในจังหวัดนครราชสีมา กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่ว ทหารและตำรวจถึงขั้นต้องสนธิกำลังกันตั้งแต่หาทางพาประชาชนที่ติดในห้างทยอยออกมา จากนั้นนำกำลังออกไปจับตายจ่าคลั่งรายนี้ ที่ยิงคนเสียชีวิตไปแล้วมากถึงประมาณ 30 ราย และยังไม่นับรวมคนบาดเจ็บที่มีอีกมากมายยอดรวมเกิน 50 คน
พฤติกรรมเลียนแบบเริ่มปรากฏมากขึ้น
หากว่าพฤติกรรมการก่อเหตุยิงกราดใส่ผู้คนสถานที่สาธารณะจบลงเพียงเท่านั้นก็คงจะดี หากแต่ในความเป็นจริงแล้วมันเริ่มมาเชื้อไวรัสที่ระบาดตามไปทุกที่ แทบทุกวันจะมีข่าวที่เดิมอาจจะเป็นเหตุทะเลาะวิวาทยิงกันในที่ใดที่มีการมาเป็นการยิงกันกลางห้างใหญ่โดยไม่สนว่าใครจะโดนลูกหลงไปด้วยมากขึ้นทุกที เริ่มตั้งแต่พนักงานห้างดังบุกไปยิงอดีตแฟนเก่าที่กลางห้างใหญ่แถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากนั้นก็เริ่มมีข่าวการยิงกันในห้างและที่สาธารณะมากขึ้นเรื่อยๆ ประหนึ่งเป็นเรื่องยอดนิยมทั้งที่เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำตามเลย
การเอาตัวรอดเมื่อไปตกอยู่ในสถานการณ์กราดยิงในที่สาธารณะ
แม้ว่าสภาพสังคมไทยทุกวันนี้สบายตัวมากขึ้นทุกวันแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนเราจะไม่สามารถจะเก็บตัวอยู่ภายในบ้านอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้เอง จึงควรระมัดระวังป้องกันตนเองใช้ดีที่สุดในต่อไปนี้
1.สำรวจที่ทางหลบหนีทุกที่ที่ไป
กฎเดียวกับระวังหรือหนีเหตุเพลิงไหม้ ไม่ว่าเราจะเดินทางไปที่ใดโดยเฉพาะในห้างใหญ่หรือตึกอาคารสูงควรมองหาทางออกหรือทางหนีเอาไว้ โดยเฉพาะเส้นทางหนีไฟจะเป็นอีกสิ่งสำคัญที่จะช่วยชีวิตไว้ไม่ว่าจะเกิดเหตุอัคคีภัยหรือเหตุการณ์จริงในที่สาธารณะ ตามเหตุการณ์การยิงประชาชนที่ห้างดังในจังหวัดนครราชสีมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับความช่วยเหลือจากทั้งพนักงานรักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจประชาชนที่ติดอยู่ในตึกหนีออกมาทางเส้นทางหนีไฟมีเช่นเดียวกัน
2.ออกกำลังกายทุกวันให้แข็งแรง
วิธีปฏิบัติข้อนี้คุณอาจสงสัยว่ามันเกี่ยวอะไรกับการเอาตัวรอดไปด้วย ต้องขอย้อนว่าหากท่านใดเคยดูหนังเกี่ยวกับภัยพิบัติหรือว่าสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง จะหนีภัยอันตรายไม่พ้นวิ่งตามเขาไม่ทันสุดท้ายก็มักจะเป็นเหยื่ออันตรายเป็นอันดับแรก มันมีข้อเท็จจริงอยู่ในตัวมันเอง เพราะฉะนั้นควรออกกำลังกายรักษาสุขภาพร่างกายแข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องเอาไว้ใช้หนีเหตุการณ์ยิงกันเพียงอย่างเดียวก็ได้ ท่าออกกำลังกายให้สุขภาพดีอยู่เสมอก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ
3.รู้จักวิธีการเอาตัวรอดเมื่อเกิดเหตุ
3.1 เวลามีเหตุให้วิ่งหนีอย่าไปมุง
ใครหลายคนว่าอ่านความเห็นนี้ก็อาจจะบอกว่าไม่ต้องบอกก็รู้แล้วล่ะได้ยินเสียงปืนผมก็วิ่งหนีแล้วไม่เห็นจำเป็นต้องบอกเลย อาการในความเป็นจริงแล้วฉันก็น่าจะทราบว่ามันยังมีมนุษย์อีกประเภทหนึ่งที่ชอบและอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกเรื่องทันทีที่เกิดเหตุได้ยินเสียงรถชนกันได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน หรือแม้แต่เสียงคนยิงกันมนุษย์เหล่านี้จะวิ่งไปหาสถานที่เกิดเหตุทันทีเพื่อขอร่วมดูด้วยว่าเขาเกิดเหตุอะไรบ้าง และแน่นอนว่ามนุษย์แบบนี้เสี่ยงที่จะโดนลูกหลงกระสุนพัดเข้ามาหาได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นจงจำไว้ว่าหากมีเสียงยิงกันหรือเสียงเกิดเหตุอะไรที่เป็นอันตรายให้รีบวิ่งหนีไปให้ไกลจากที่เกิดเหตุการณ์ใดอย่าไปมัวแต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
3.2 ซ่อนให้มิด
แน่นอนหากเราสามารถวิ่งหนีจากที่เกิดเหตุไปอย่างที่ไกลๆได้ก็เป็นเรื่องดี หากแต่ถ้าคนเกิดหมดแรงหรือเป็นสถานที่ที่ไม่ใช่ที่โล่งและสามารถวิ่งหนีออกไปได้เช่นห้างสรรพสินค้า วิธีที่ดีนั่นก็คือหลบมุมหรือหลบซ่อนอยู่ในที่ที่ไม่อยู่ในสายตาเป็นต้อสำหรับโจรผู้ร้ายหรือผู้ก่อเหตุ ปิดเสียงโทรศัพท์ให้เงียบเข้าไว้อย่าให้มันดัง รอจังหวะหาทางหลบหนีออกมาให้ไกล
3.3 สู้เมื่อจำเป็น
หากหมดหนทางที่จะหนีซ่อนแล้วก็ซ่อนไม่พ้นวิธีเดียวที่คนจะทำได้นั่นก็คือกัดฟันสู้กับประหยัดอันตรายที่จะเข้ามา บางคนมักไม่ค่อยมีสติอยู่กับตัวพอเจอผู้ก่อเหตุโดยเหตุการณ์น่าตกใจก็มัวแต่ยืนแข็งทื่อกลายเป็นเป้านิ่งให้เขายิงแต่ฝ่ายเดียว เมื่อถึงทางตันวิธีที่ดีที่สุดนั่นก็คือพึ่งตนเองจำไว้ว่าตราบใดที่เรายังมีลมหายใจและยังสู้ต่อไปอยู่ก็ย่อมมีโอกาสมีชีวิตรอด ยิ่งเรามีผู้ร่วมชะตากรรมหลายคนก็ยิ่งจะมีโอกาสรอดมากยิ่งขึ้น สามัคคีคือพลังร่วมมือกันย่อมมีโอกาสต่อสู้กับผู้ก่อเหตุได้ดีกว่าเดิม